สปอร์ตไลท์ LED สำหรับสนามกีฬาโรงเรียน
สนามกีฬาโรงเรียนไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่สำหรับวิชาพลศึกษาเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกีฬาสี การแข่งขันภายในโรงเรียน การฝึกซ้อมของนักเรียนหลังเลิกเรียน ไปจนถึงกิจกรรมของชุมชนในช่วงเย็น ดังนั้น “ระบบแสงสว่างสนามกีฬา” จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก การเลือก สปอร์ตไลท์ LED ที่ได้มาตรฐานจะช่วยให้สนามใช้งานได้อย่างปลอดภัย ลดอุบัติเหตุจากการมองไม่ชัด ประหยัดงบประมาณของโรงเรียน และลดภาระการดูแลรักษาในระยะยาว
สรุปแนวทางการเลือกสปอร์ตไลท์สำหรับสนามกีฬาโรงเรียนอย่างเข้าใจง่าย โดยอ้างอิงหลักการใช้งานจริงและมาตรฐานสากลที่นิยมใช้ในงานสนามกีฬา
ความสว่างสนามกีฬาโรงเรียน
หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อย คือการเลือกไฟจาก “วัตต์ (W)” เพียงอย่างเดียว ทั้งที่ความสว่างที่นักเรียนมองเห็นจริง ต้องพิจารณาจากค่า Lux ซึ่งเป็นค่าความสว่างที่ตกกระทบบนพื้นสนาม
อ้างอิงแนวทางมาตรฐานสนามกีฬา เช่น EN 12193สามารถสรุประดับความสว่างที่เหมาะกับโรงเรียนได้ดังนี้
ระดับการเรียนการสอนและกิจกรรมทั่วไป
-
- ความสว่างเฉลี่ย: ประมาณ 200 Lux
- เหมาะสำหรับ: วิชาพลศึกษา การเล่นกีฬาเพื่อสันทนาการ การใช้งานช่วงเย็นทั่วไป
ระดับการแข่งขันภายในโรงเรียน / กีฬาสี
-
- ความสว่างเฉลี่ย: ประมาณ 300–500 Lux
- เหมาะสำหรับ: การแข่งขันฟุตบอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล ที่ต้องการความชัดเจนในการมองลูกบอลและการตัดสิน
ข้อควรระวัง:
สำหรับสนามโรงเรียน ไม่จำเป็นต้องใช้ความสว่างระดับสนามแข่งขันอาชีพหรือถ่ายทอดสด (800–1,000 Lux ขึ้นไป) เพราะจะทำให้งบประมาณบานปลาย และเพิ่มภาระค่าไฟโดยไม่จำเป็น
ทำไมสนามโรงเรียนควรเลือกสปอร์ตไลท์ LED
เมื่อเทียบกับโคมไฟสนามแบบเดิม เช่น Metal Halide หรือ High Pressure Sodium สปอร์ตไลท์ LED มีข้อได้เปรียบชัดเจนในบริบทของโรงเรียน
- ประหยัดพลังงานมากกว่า
ใช้ไฟน้อยลง ช่วยลดค่าไฟระยะยาว ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญของสถานศึกษา - เปิดแล้วสว่างทันที
ไม่ต้องรอวอร์มอัปเหมือนหลอดรุ่นเก่า เหมาะกับการใช้งานเป็นช่วง ๆ หรือกิจกรรมที่เริ่มกะทันหัน - อายุการใช้งานยาว
ลดความถี่ในการเปลี่ยนหลอด ลดความเสี่ยงและภาระงานของเจ้าหน้าที่ดูแลอาคาร - ควบคุมทิศทางแสงได้ดีกว่า
ลดแสงฟุ้งกระจาย ลดปัญหาแสงรบกวนบ้านเรือนรอบโรงเรียน
สเปคชที่ควรกำหนดใช้งานได้จริงและปลอดภัย
1.การควบคุมแสงแยงตา (Glare Control)
ดวงตาของนักเรียน โดยเฉพาะเด็กเล็ก มีความไวต่อแสง หากแสงไฟแยงตาขณะมองลูกบอล อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
แนวทางเลือก:
-
- ใช้โคมที่มี เลนส์ควบคุมทิศทางแสง
- หรือมี อุปกรณ์บังแสง (Visor / Hood)
เพื่อไม่ให้แสงส่องเข้าตาโดยตรง
2. ความทนทานของโคม (IP / IK Rating)
สนามกีฬาเป็นพื้นที่กลางแจ้ง ต้องรับมือทั้งสภาพอากาศและแรงกระแทก
-
- กันน้ำกันฝุ่น: ควรได้อย่างน้อย IP66
- ทนแรงกระแทก: ควรมีมาตรฐาน IK08 ขึ้นไป
- วัสดุหน้าโคมควรเป็นกระจกนิรภัยหรือโพลีคาร์บอเนต
3.สีของแสง (Color Temperature)
-
- แนะนำแสง Daylight (ประมาณ 5700–6500K)
ช่วยให้มองเห็นลูกบอลและวัตถุเคลื่อนไหวได้ชัดเจน เหมาะกับกิจกรรมกีฬา
- แนะนำแสง Daylight (ประมาณ 5700–6500K)
แนวทางติดตั้ง
แม้เลือกโคมที่ดี แต่หากติดตั้งผิดตำแหน่ง แสงก็อาจไม่ตอบโจทย์การใช้งาน
ความสูงเสาไฟ (แนวทางทั่วไป)
-
- สนามฟุตซอล / บาสเกตบอล: ประมาณ 8–10 เมตร
- สนามฟุตบอล 7 คน: ประมาณ 12–15 เมตร
เสาที่สูงพอ จะช่วยให้แสงกระจายสม่ำเสมอและลดแสงแยงตาได้ดีกว่าเสาเตี้ย
ตำแหน่งติดตั้ง
-
- ควรติดตั้ง ด้านข้างสนาม
- หลีกเลี่ยงการติดตั้งหลังประตูหรือหลังแป้นบาสโดยตรง
บทสรุป
การเลือกสปอร์ตไลท์ สำหรับสนามกีฬาโรงเรียน ไม่ใช่เพียงการ “ทำให้สว่าง” แต่คือการลงทุนเพื่อ
-
- ความปลอดภัยของนักเรียน
- คุณภาพการเรียนการสอน
- การใช้งานที่ยั่งยืนในระยะยาว
แนวทางสรุปสเปคสำหรับโรงเรียนทั่วไป
-
- โคมไฟ: สปอร์ตไลท์ LED สำหรับสนามกีฬา
- กำลังไฟ: เลือกตามขนาดสนามและจำนวนเสา (มักอยู่ในช่วง 200–400W)
- ความสว่างเฉลี่ย: 200–300 Lux
- มาตรฐาน: IP66, มีระบบป้องกันไฟกระชาก
- การรับประกัน: ควรมีอย่างน้อย 2–3 ปี และมีบริการหลังการขาย
หากวางแผนและเลือกอุปกรณ์อย่างเหมาะสม สนามกีฬาโรงเรียนจะสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย ประหยัดงบ และส่งเสริมกิจกรรมของนักเรียนได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาวครับ
NINELED แสงสว่างที่คุณวางใจได้ จากแบรนด์ที่คุณเลือก พื้นที่รวมแบรนด์ชั้นนำ ให้คุณเลือกซื้อไม่ว่าจะสปอร์ตไลท์ โคมไฟไฮเบย์ โคมถนน หลอดไฟ LED โซล่าเซลล์ และเสาไฟ สนใจสอบถาม-สั่งซื้อเกี่ยวกับสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ Line : @NINELED

