เสาไฟถนน ชุบซิงค์ หรือ ชุบกัลวาไนซ์เกราะป้องกันเพื่ออายุการใช้งาน
เสาไฟถนนคือหนึ่งในโครงสร้างสาธารณะที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศรุนแรงตลอดเวลา — ทั้งฝนกรด ความชื้นสูง แสงแดดจัด และไอเกลือจากชายฝั่ง การป้องกัน “สนิม” จึงเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการออกแบบเสาไฟที่มีอายุการใช้งานยาวนาน และในกระบวนการผลิตเสาไฟ เหล็กจะต้องได้รับการเคลือบผิวด้วย “สังกะสี” เพื่อป้องกันการกัดกร่อน ซึ่งมีอยู่ 2 วิธีหลักที่มักถูกพูดถึงในวงการก่อสร้าง คือ
- การชุบซิงค์ (Electro-Galvanizing)
- การชุบกัลวาไนซ์แบบจุ่มร้อน (Hot-Dip Galvanizing)
หลายคนอาจคิดว่าทั้งสองแบบคือสิ่งเดียวกัน แต่ในความจริงแล้ว ความแตกต่างระหว่างสองกระบวนการนี้ส่งผลต่ออายุการใช้งานของเสาไฟโดยตรง
ความแตกต่างระหว่าง “ชุบซิงค์” และ “ชุบกัลวาไนซ์แบบจุ่มร้อน”
คุณสมบัติ |
ชุบซิงค์ (Electro-Galvanizing) | ชุบกัลวาไนซ์แบบจุ่มร้อน (Hot-Dip Galvanizing) |
วิธีการเคลือบ |
ใช้กระแสไฟฟ้าดึงอนุภาคสังกะสีให้เกาะบนผิวเหล็ก | จุ่มชิ้นงานลงในบ่อสังกะสีหลอมเหลวที่อุณหภูมิ ~450°C |
ความหนาชั้นเคลือบ |
ประมาณ 5–25 ไมครอน | 65–100 ไมครอน (ตามมาตรฐาน ASTM A123 / ISO 1461) |
ความทนทานต่อการกัดกร่อน | ป้องกันได้ในระยะสั้น เหมาะกับงานภายใน |
ทนต่อฝนกรด ความชื้น และสภาพอากาศกลางแจ้งได้ยาวนานกว่า 20 ปี |
ความแข็งแรงของการยึดเกาะ | เคลือบผิวด้วยไฟฟ้า → หลุดร่อนง่ายเมื่อเกิดแรงกระแทก |
เกิดพันธะโลหะระหว่างเหล็กและสังกะสี (Metallurgical Bond) → แข็งแรงถาวร |
ความเหมาะสมในการใช้งาน | งานตกแต่งภายใน อาคาร หรือโครงสร้างขนาดเล็ก |
เสาไฟถนน เสาส่งไฟฟ้า เสาโครงสร้างกลางแจ้ง และงานอุตสาหกรรมหนัก |
ทำไม “Hot-Dip Galvanizing” จึงเป็นมาตรฐานสำหรับเสาไฟถนน
-
-
ความหนาของชั้นเคลือบ = อายุการใช้งาน
-
ความหนาของชั้นสังกะสีคือปัจจัยหลักที่กำหนดอายุการป้องกันสนิม
โดยทั่วไป ชั้นเคลือบหนา 70–100 ไมครอน จากการชุบจุ่มร้อนสามารถป้องกันสนิมได้นานกว่า 20–25 ปีในสภาพแวดล้อมทั่วไป และมากกว่า 15 ปีในพื้นที่ชายฝั่งทะเล
มาตรฐานอ้างอิง: ASTM A123, ISO 1461, BS EN ISO 1461
ซึ่งระบุความหนาเคลือบขั้นต่ำและวิธีทดสอบการยึดเกาะของสังกะสีบนผิวเหล็ก
-
-
พันธะโลหะที่แน่นหนา (Metallurgical Bond)
-
ในกระบวนการจุ่มร้อน เหล็กจะทำปฏิกิริยากับสังกะสีหลอมเหลว เกิดชั้นโลหะผสม (Fe-Zn Alloy Layer) หลายชั้นที่แนบแน่นกับเนื้อเหล็ก ไม่ใช่แค่เคลือบบาง ๆ บนผิวหน้าเหมือนการชุบไฟฟ้า
ผลลัพธ์คือชั้นเคลือบที่ไม่หลุดร่อนง่าย มีความแข็งแรงและทนต่อแรงกระแทกจากการขนส่งและการติดตั้งเสาไฟได้ดีเยี่ยม
-
-
เคลือบได้ทั่วถึงแม้ในจุดที่เข้าถึงยาก
-
เสาไฟถนนมักเป็นท่อกลวงที่มีรอยเชื่อมและมุมซับซ้อน ซึ่งเป็นจุดสะสมของความชื้นและต้นเหตุของการเกิดสนิม การจุ่มร้อนช่วยให้สังกะสีไหลเข้าเคลือบทุกจุด — ทั้งภายในและภายนอกของเสาไฟ — จึงให้การป้องกันแบบ 360 องศา ที่ไม่มีช่องว่างให้สนิมเริ่มก่อตัวได้เลย
-
-
การบำรุงรักษาต่ำและคุ้มค่าระยะยาว
-
แม้ค่าใช้จ่ายในการชุบแบบจุ่มร้อนจะสูงกว่าการชุบไฟฟ้าเล็กน้อย แต่เมื่อพิจารณาในระยะยาว เสาไฟที่ผ่านการจุ่มร้อนแทบไม่ต้องบำรุงรักษาเลยใน 10–20 ปีแรก ลดต้นทุนซ่อมแซมและการเปลี่ยนเสาใหม่ได้หลายเท่าตัว
-
-
- การศึกษาจาก American Galvanizers Association (AGA) พบว่า เหล็กชุบจุ่มร้อนในสภาพกลางแจ้งทั่วไปสามารถป้องกันสนิมได้ยาวนานถึง 50–70 ปี ก่อนจะเริ่มมีร่องรอยการกัดกร่อน
-
ข้อพิจารณาสำคัญในการเลือกเสาไฟถนน
-
-
-
ตรวจสอบใบรับรองมาตรฐานการชุบ
ผู้ผลิตที่ได้มาตรฐานจะมีใบรับรองจาก ASTM A123 หรือ ISO 1461 ระบุความหนาของชั้นสังกะสีอย่างชัดเจน
-
ขอรายงานการทดสอบ (Test Report)
เช่น การตรวจสอบความหนาชั้นเคลือบด้วยเครื่องวัดความหนา (Coating Thickness Gauge)
-
พิจารณาพื้นที่ติดตั้ง
- พื้นที่เมืองทั่วไป → ความหนา 70 ไมครอนขึ้นไป
- พื้นที่ชายทะเลหรือมีไอเกลือสูง → 90–100 ไมครอนขึ้นไป
-
-
บทสรุป
เสาไฟถนน ชุบซิงค์ หรือชุบกัลวาไนซ์ บริบทของงานโครงสร้างกลางแจ้งอย่าง เสาไฟถนน เสาไฟสาธารณะ หรือเสาโครงเหล็กภายนอกอาคารทางเลือกที่ “ถูกต้องและคุ้มค่าที่สุด” คือการเลือกเสาไฟที่ผ่านกระบวนการชุบสังกะสีแบบจุ่มร้อน (Hot-Dip Galvanizing)
เพราะวิธีนี้ให้
-
- ชั้นเคลือบหนาแน่นตามมาตรฐานสากล
- การป้องกันการกัดกร่อนที่ยาวนาน
- การยึดเกาะถาวรไม่หลุดล่อน
- ความคุ้มค่าในระยะยาวต่ออายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี
NINELED แสงสว่างที่คุณวางใจได้ จากแบรนด์ที่คุณเลือก พื้นที่รวมแบรนด์ชั้นนำ ให้คุณเลือกซื้อไม่ว่าจะสปอร์ตไลท์ โคมไฟไฮเบย์ โคมถนน หลอดไฟ LED โซล่าเซลล์ และเสาไฟ สนใจสอบถาม-สั่งซื้อเกี่ยวกับสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ Line : @NINELED